แพ้ท้องหนักมาก แม้อาการแพ้ท้องจะเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ แต่การแพ้ท้องที่มีความผิดปกติคืออาการแพ้ท้องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ตั้งครรภ์ได้เกิน 14 สัปดาห์แล้ว ซึ่งโดยปกติแล้วอายุครรภ์ 14 สัปดาห์ อาการแพ้ท้องเริ่มหายไปเองตามธรรมชาติ ดังนั้นหากคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการแพ้ท้องในช่วงที่ตั้งครรภ์ได้นานกว่า 3 เดือนแล้ว ไม่สามารถกินอาหารจนน้ำหนักลด และเกิดภาวะร่างกายขาดสารอาหาร ควรรีบพบแพทย์ให้ตรวจดูอาการเบื้องต้นโดยด่วน 4. เจ็บคลอดก่อนกำหนด โดยธรรมชาติแล้วอาการเจ็บครรภ์เตือนจะมีความสัมพันธ์กับการทำงาน การเดินหรือการยืนเป็นเวลานาน ซึ่งล้วนทำให้เกิดการกระตุ้นให้มีอาการเจ็บท้องได้ แต่เมื่อนั่งพักอาการเจ็บท้องก็จะหายไปเอง แต่หากอาการเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ก็อาจนำมาสู่การคลอดก่อนกำหนดได้ ดังนั้นเมื่อมีอาการเจ็บท้องมากขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อให้ทำการตรวจสอบการบีบตัวของมดลูก เพื่อทำการประเมินการเปิดของปากมดลูกต่อไป 5.
เจ็บท้องก่อนกำหนดคลอด คุณแม่ท้องแรกอาจจะสับสน ระหว่างอาการเจ็บท้องหลอก กับเจ็บท้องจริง โดยอาการเจ็บท้องหลอกอาจเกิดขึ้นได้ตลอดช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 หรือใกล้คลอดในเดือนสุดท้าย จะมีอาการปวดจะเป็นแบบไม่สม่ำเสมอเรียกว่า เป็น ๆ หาย ๆ ความถี่ หรือความเจ็บปวดจะไม่รุนแรงมากขึ้น รู้สึกปวดแต่ละครั้งน้อยกว่า 50 – 80 วินาที แต่ถ้าคุณแม่มีอาการเจ็บท้องก่อน 37 สัปดาห์ เจ็บเป็นประจำ และมีอาการทุก ๆ 2-3 นาที และเจ็บมากขึ้นเวลายืนหรือเดิน ปวดท้องต่อเนื่อง อาจเป็นการคลอดก่อนกำหนด ที่คุณแม่ควรไปหาหมอโดยไม่ต้องรอวันนัดหรือถึงกำหนดคลอด 4. มีเลือดออกกะปริบกะปรอยตลอดการตั้งครรภ์ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ หากสังเกตว่ามีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอด ลักษณะเป็นเลือดสด มักไม่มีอาการเจ็บท้องร่วมด้วย ในครั้งแรกจะออกมาไม่มาก และจะหยุดได้เอง อาการแบบนี้เป็นปัจจัยสุ่มเสี่ยงว่าจะเกิดภาวะรกเกาะต่ำขณะตั้งครรภ์ หากมีเลือดไหลออกมาอีกครั้ง และเลือดออกมากไม่หยุดไหล อาการแบบนี้ถือว่ารุนแรงส่งผลให้เป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งคุณแม่ และทารกในครรภ์ได้ หากพบว่าตัวเองมีเลือดออก ให้รีบไปพบแพทย์ที่ดูแลครรภ์ทันที เพื่อประเมินความเสี่ยงและหาแนวทางการป้องกัน 5.
อาการแปลก ๆ แบบไหนที่เป็นสัญญาณอันตรายที่คุณแม่มือใหม่ต้องรีบไปพบแพทย์ 1. อาการเลือดออก มีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น การติดเชื้อในช่องคลอด การติดเชื้อในปากมดลูก การมีภาวะรกเกาะต่ำ หรือมีภาวะการเจ็บครรภ์คลอด สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดภาวะเลือดออกทางช่องคลอดได้ สิ่งสำคัญคือ เมื่อพบว่ามีเลือดออกทางช่องคลอดไม่ว่าอายุครรภ์จะเท่าไหร่ก็ตาม ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ เมื่อรู้สาเหตุก็จะรู้ถึงความสำคัญหรืออันตรายว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นได้บ้าง 2. การดิ้นของลูกในครรภ์ผิดปกติ ปกติทารกในครรภ์จะเริ่มดิ้นเมื่ออายุครรภ์ 20 สัปดาห์ขึ้นไป และเมื่อถึง 28 สัปดาห์จะรู้สึกมากขึ้น บางรายอาจจะรู้สึกเป็นแรงเตะ แรงถีบ หรือแรงขยับของแขนขา การที่หมอให้นับจำนวนครั้งของการดิ้นเป็นการประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์อย่างหนึ่ง ซึ่งสามารถประเมินได้ด้วยตัวของคุณแม่เอง หากคุณแม่รู้สึกว่าลูกดิ้นน้อยลงหรือวันนี้ยังไม่ดิ้นเลย ก็เป็นอีกหนึ่งอาการที่ควรจะไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุว่าทารกในครรภ์มีความผิดปกติอะไรหรือเปล่า 3.
อาการแพ้ท้อง อาการแพ้ท้อง แม่บางคนแทบไม่แพ้ท้องเลย แต่แม่บางคนก็แพ้ท้องอย่างรุนแรง อาการแพ้ท้องจึงพบได้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ หรือตั้งครรภ์ไตรมาสแรก วิธีแก้แพ้ท้องอย่างง่ายที่สุด คือ พยายามนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ แต่ห้ามปล่อยให้ท้องว่าง หากแม่ท้องมีอาการแพ้ท้องมาก คุณหมอจะจ่ายยาช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้อง ซึ่งไม่มีอันตรายต่อแม่ และลูกในท้อง 2. อาการแน่นท้องและท้องอืด ขณะตั้งครรภ์ จะพบอาการแน่นท้อง ท้องอืดบ่อย ๆ เพราะการย่อยอาหารไม่ดี กระเพาะอาหาร และลำไส้เคลื่อนไหวน้อยลง จึงจำเป็นที่ต้องเลือกรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย ๆ ที่สำคัญ ต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น ของดอง ถั่ว น้ำอัดลม และควรออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดินเล่น ที่สำคัญ อย่าให้ ท้องผูกตอนท้อง โดยดื่มน้ำมาก ๆ ทานผัก และ ผลไม้ให้มาก ๆ 3. อาการปวดศีรษะและวิงเวียน หากแม่ท้อง ปวดหัว วิงเวียน ให้หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนหนาแน่น และเลือกอยู่ในที่ ๆ อากาศถ่ายเท และต้องพยายามพักผ่อนให้เพียงพอ หาทางลดความเครียด ลดความวิตกกังวล เพื่อจะได้พักผ่อนนอนหลับอย่างเต็มที่ 4. อาการปวดหลังและเป็นตะคริว แม่ท้องไม่ควรยืนนาน ๆ หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือใส่รองเท้าส้นสูง ถ้าเป็นตะคริวควรใช้ขี้ผึ้งร้อน ๆ ทาถูนวดจะบรรเทาอาการปวดตะคริวได้ และพยายามนอนหลับให้เพียงพอ จะช่วยแก้ไขได้ 5.
นพ. วีรภัทร สมชิต สาขาวิชาเวชศาสตร์มารดาและทารกปริกำเนิด ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล คลิกชมคลิปรายการ "สัญญานอันตรายที่แม่ตั้งครรภ์ต้องรีบไปพบแพทย์: พบหมอรามาฯ" ได้ที่นี่
ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!
หลากหลายอาการที่เกิดขึ้นกับคนท้อง อาจเป็นสัญญาณเตือนบอกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในขณะที่คุณแม่กำลัง ตั้งครรภ์ ดังนั้นคุณแม่จึงต้องรู้ว่ามีอาการใดบ้างที่เมื่อเกิดขึ้นในขณะที่กำลังตั้งครรภ์แล้วต้องรีบพบแพทย์แต่โดยด่วน เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียตามมา ดังนั้นวันนี้เราได้รวบรวม 5 อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ และถือเป็นสัญญาณอันตรายที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์มาแชร์ให้คุณแม่ทุกท่านได้ทราบกันค่ะ 1. เลือดออก อาการเลือดออกในขณะตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อในช่องคลอด ติดเชื้อในปากมดลูก เกิดภาวะรกเกาะต่ำ รวมทั้งมีภาวะเจ็บครรภ์คลอด ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ล้วนทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์มีเลือดออกมาได้เสมอ ดังนั้นไม่ว่าจะเพราะสาเหตุใดที่ทำให้เลือดออกก็ตาม คุณแม่ควรรีบพบแพทย์แต่โดยด่วน โดยไม่ต้องสนใจว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ได้กี่เดือน เพราะนั่นถือเป็นความผิดปกติที่ควรได้รับการรักษาทันที 2. ลูกดิ้นผิดปกติ โดยปกติแล้วทารกจะเริ่มดิ้นเมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์ประมาณ 20 สัปดาห์ขึ้นไป โดยช่วงสัปดาห์ที่ 28 นั้นจะเริ่มรู้สึกถึงการดิ้นของทารกที่มากขึ้น จนบางครั้งคุณแม่จะรู้สึกได้ว่าเหมือนทารกในครรภ์กำลังเตะ ถีบ หรือขยับแขนขาอยู่ ซึ่งคุณหมอจะให้คุณแม่หมั่นนับจำนวนการดิ้นของลูกเพื่อประเมินสุขภาพครรภ์เบื้องต้น แต่หากนับการดิ้นตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงหัวค่ำต่ำกว่า 10 ครั้ง นั่นถือเป็นสัญญาณอันตรายที่คุณแม่ควรรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด 3.